You can replace this text by going to "Layout" and then "Edit HTML" section. A welcome message will look lovely here.
RSS

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

"จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" เดินหมาก วางเบี้ย ปฏิบัติการ "ย่ำรุ่ง" ปลุก "เสรีไทย"

ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทันใด "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หายวับออกไปจากประเทศไทย

โดยทิ้งเสียงสุดท้ายในคืนก่อนปฏิวัติเพียงว่า "ถ้าเขาปฏิวัติ ผมคงต้องไป เพราะผมยอมไม่ได้ที่จะให้ทหารมายึดอำนาจ ถ้าเขาทำเช่นนั้นเท่ากับว่าเขาปล้นประชาธิปไตยไปจากคนไทย"

ในครั้งนั้น "จารุพงศ์" ยังบอกด้วยว่า "ผมอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ถ้าเขาปฏิวัติ ผมต้องไปทันที ผมไม่ได้หนี แต่ผมจำเป็นที่จะต้องออกไปตั้งหลัก เพื่อที่จะต่อสู้ และถ้าเขาปฏิวัติจริง จะทำให้ประชาชนอึดอัด และจะเข้าสู่ขบวนการใต้ดิน"

เสียงสุดท้ายก่อนที่โทรศัพท์ของ "จารุพงศ์" จะไม่สามารถติดต่อได้อีกต่อไป



"จารุพงศ์" เป็นหนึ่งในแกนนำที่ก้าวขึ้นปราศรัยบนเวทีเสื้อแดง ทั้งที่สวมหมวกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่กลุ่ม กปปส. ของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เริ่มบุกยึดกรุงเทพฯ ก่อนที่จะกระทำการชัตดาวน์เมืองหลวง ช่วงนั้นยังมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ราชมังคลากีฬาสถาน จนมีเหตุปะทะ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในกลุ่มคนเสื้อแดง จนในช่วงท้าย คนเสื้อแดงต้องไปชุมนุมอยู่ที่พื้นที่รอบนอก เพื่อลดการปะทะ

หลายครั้งหลายครา ที่กลุ่มแดงฮาร์ดคอร์ พร้อมที่จะปะทะกับฝั่งตรงข้าม "จารุพงศ์" จะบอกเสมอว่า "นายกฯ ปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะห้ามไม่ให้ประชาชนปะทะกัน และห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำร้ายผู้ชุมนุม กปปส. ทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่ไม่ได้สู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะ "นายกฯ ปู" ไม่ต้องการให้คนไทยด้วยกันต้องมาเสียเลือดเสียเนื้อ

"เราถอยกันขนาดนี้ ทหารก็เห็น ทหารทำไมยังทำแบบนี้ได้" ประโยคอึดอัดใจที่ถูกระบายระหว่างสนทนา



ต่อมาไม่นานหลังรัฐประหาร "จารุพงศ์" เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ผ่านช่องทางทางเฟซบุ๊ก กับรูปภาพลายมือที่ถูกเขียนลงในกระดาษ กับบทความที่ว่า "ผมขอยอมก้มหัวให้เสียงมหาชนคนไทย แต่ไม่ยอมก้มให้กบฏ เราต้องอยู่เคียงข้างกันครับพี่น้อง" และเป็นช่องทางเดียวที่ "จารุพงศ์" ใช้มาระยะหนึ่ง ที่มีทั้งข้อความปลุกใจ และภาพถ่ายในอิริยาบถต่างๆ หรือแม้แต่ข้อความปลุกใจให้สมาชิกพรรคฮึกเหิม และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทอดทิ้งสมาชิกทุกคน

เข้าสู่เดือนมิถุนายน "จารุพงศ์" เริ่มหายเงียบไปอีกครั้ง โดยในช่วงนี้เป็นไปได้ว่ากำลังเป็นการเคลื่อนไหวในการย้ายที่อยู่ ไปอยู่ในที่ที่ไกลกว่าเดิม

กระทั่งวันที่ 16 มิถุนายน เฟซบุ๊กแฟนเพจ "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยเปิดให้เป็นสาธารณะ และมีภาพพื้นหลังกับข้อความที่เขียนด้วยลายมือว่า "ด้วยความเชื่อมั่นต่อพลังประชาธิปไตยของประชาชน" ลงชื่อด้วยลายเซ็น ไม่ทันข้ามวันยอดกดไลก์ ทวีขึ้นนับหมื่นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

จนวันที่ 20 มิถุนายน ทางพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยว่า "จารุพงศ์" ได้ยื่นหนังสือลาออกผ่านไปรษณีย์โดยมาถึงพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน เพื่อลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยให้มีผลวันที่ 22 พฤษภาคม

22 มิถุนยน "จารุพงศ์" โพสต์ข้อความลายมืออีกครั้ง พร้อมระบุว่า "เรียน พี่น้องชาวไทยที่เคารพ ผมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อไปเรียกร้องประชาธิปไตย และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างอิสระเสรี"



จนกระทั่ง "ย่ำรุ่ง" ของวันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวัน ปฏิวัติสยามประเทศ เมื่อปี 2475 ที่ผ่านมาแล้ว 82 ปี "จารุพงศ์" เลือกที่จะเล่นเกมกับทหาร โดยการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ตั้ง "องค์กรเสรีไทย เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" โดยอัดคลิปผ่านทางยูทูบ และเฟซบุ๊ก "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" ความยาว 8.27 นาที

โดยมีเนื้อความบางช่วงบางตอน ระบุถึงการยึดอำนาจของทหาร ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตั้งตัวเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ละเมิดหลักนิติรัฐ-นิติธรรม หลักประชาธิปไตย และยังทำลายย่ำยีสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นับเป็นอาชญากรรมอันใหญ่หลวงต่อประชาชนชาวไทย การโฆษณาว่าพวกเขาต้องกระทำการยึดอำนาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคำสัญญาว่าจะคืนความเป็นปกติสุขให้กับสังคมไทย แท้จริงแล้วก็คือ การโกหกหลอกลวงขนานใหญ่ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นปีศาจอสุรกายเป็นเทวดาอารักษ์ จนท้ายที่สุดก็หวังให้เห็นว่า ระบอบเผด็จการดีกว่าระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้นำเผด็จการของโลกและของไทย พยายามปลูกฝัง แต่ประสบความล้มเหลวเรื่อยมา

"ประชาชนไทยผู้ตาสว่าง ที่ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนตามหลักสากล และยอมรับในวิวัฒนาการทางสังคม จึงต้องประกาศปฏิเสธอำนาจของคณะรัฐประหาร ตลอดจนผลพวงใดๆ ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่จะนำพาประเทศไปสู่สันติสุขและความปรองดองได้เลย เพราะพวกเขานั่นเองที่ร่วมกันสมคบคิดและวางแผนก่อความวุ่นวายไปทั่วประเทศ และลักลอบสนับสนุนขบวนการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชนตั้งแต่ต้น เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว วงจรประชาธิปไตยหยุดชะงัก"

แถลงการณ์ เรียกร้องให้ประชาชนหยุดความเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อให้กลับสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดย "องค์กรเสรีไทย" มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "The Organization of FreeThais for Human Rights and Democracy (FT-HD)"

โดย "จักรภพ เพ็ญแข" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ฉบับภาษาอังกฤษ



ในแถลงการณ์ช่วงท้ายระบุว่า เสรีไทยเป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งในสำนึกทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนความใฝ่เสรีภาพและรักศักดิ์ศรีของสามัญชนไทยได้เป็นอย่างดี จึงถือเป็นชื่อมงคลเหมาะแก่การทำหน้าที่ประสานการต่อสู้เพื่อทวงคืนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของประชาชนไทยจากทุกมุมโลกดังที่บรรพบุรุษของไทยได้เคยกระทำการมาแล้ว

"ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก จึงได้มีมติร่วมกันในการจัดตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โดยมีวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการก่อตั้ง ดังต่อไปนี้

1.ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารและเครือข่ายอำมาตย์ เพื่อให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

2.ฟื้นฟูและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้มีความถาวรและเป็นเสาหลักของสังคมไทย

3.เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค เสรีภาพ และสันติภาพ

4.ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม

5.ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดรับกับระบอบประชาธิปไตย

6.พัฒนาคุณภาพประชาชนไทยสู่ความเป็นสากล นับแต่บัดนี้ไปให้ถือว่าองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วเพื่อเป็นศูนย์กลางการต่อสู้ของประชาชนทุกฝ่ายที่ยึดมั่นในอุดมการณ์สิทธิมนุษยชนประชาธิปไตย และโค่นล้มระบอบเผด็จการไทย"

การเคลื่อนไหวของ "องค์กรเสรีไทย" เริ่มขยับอย่างเป็นจังหวะ มีช่องในการรุกคืบมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ต้องจับตาว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะตั้งรับกับเกมนี้อย่างไร เพราะเกมถูกเล่นจากนอกประเทศ และโลกกว้างไกลไร้พรมแดน เกินกว่าที่จะปิดกั้น ด้วยรูปแบบเดิมๆ


............


(ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 27 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2557)

Read Comments
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น