You can replace this text by going to "Layout" and then "Edit HTML" section. A welcome message will look lovely here.
RSS

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

'บิล ไฮเนค'ความจริงประเทศไทย ที่สื่อตปท.ปิดปากไม่บอกชาวโลก

วันอาทิตย์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557, 19.43 น.

29 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "จดหมายเปิดผนึกถึงทูตานุทูตในประเทศไทยและสื่อต่างประเทศ" โดย วิลเลี่ยม อี. ไฮน์เนคกี ประธานกรรมการบริหาร และประธานบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชันแนล โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
"…ประเทศไทยไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมือง แต่ต้องประสบกับผลของรายงานข่าวของสื่อที่เกินความเป็นจริง ซึ่งสร้างภาพที่บิดเบี้ยวและไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รายงานข่าวเหล่านี้อาจจะทำให้ขายหนังสือพิมพ์และสร้างผู้ชมโทรทัศน์ได้ แต่กลับเป็นการสร้างความตระหนกและก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกคำเตือนและส่งผลเสียร้ายแรงต่อการท่องเที่ยว…"
หมายเหตุ : เป็นข้อความในจดหมายของ วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮน์เน็คกี (William Ellwood Heinecke) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "บิล ไฮเนค" นักธุรกิจสัญชาติไทย เชื้อสายอเมริกัน ผู้ก่อตั้งเครือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในกลุ่มบริษัทด้านการบริการที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แปลโดย ดร.วรัชญ์ ครุจิต แห่งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
จดหมายเปิดผนึกถึงทูตานุทูตในประเทศไทยและสื่อต่างประเทศ
โดย วิลเลี่ยม อี. ไฮน์เนคกี (แปลโดย โดย วรัชญ์ ครุจิต)
10 มิถุนายน 2557
จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ผมรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องเขียนในสิ่งที่ผมเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยโดยชาติตะวันตกบางชาติและสื่อต่างประเทศบางองค์กร ในฐานะที่ผมได้รับการโอนสัญชาติเป็นพลเมืองไทย และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมามากกว่า 51 ปี โดยที่ยังไม่ลืมรากเหง้าของผมในโลกตะวันตก ผมจึงรู้สึกว่าผมมีมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
ผมรู้สึกเศร้าใจกับการตีความเกี่ยวกับทั้งการรัฐประหารครั้งนี้และสถานการณ์ที่นำไปสู่การรัฐประหาร กล่าวโดยสรุปก็คือ ชาติตะวันตกหลายชาติและสื่อต่างประเทศหลายองค์กรมีเข้าใจที่ผิดพลาด จากจุดที่ประเทศไทยยืนอยู่ ไม่ใช่ประเด็นว่าพรรคการเมืองใดถูก พรรคการเมืองใดผิด คนไทยสามารถร่วมกันทำงานได้ภายใต้ระบบที่เป็นที่ยอมรับได้ และมีความยั่งยืนกับคนไทยส่วนใหญ่ การกล่าวว่าพรรคใดพรรคหนึ่งหรือนักการเมืองคนใดคนหนึ่งนั้นชั่วร้าย จะไม่นำไปสู่การปรองดองเพื่อนำประเทศให้ก้าวต่อไปได้
การรัฐประหารไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีเลยไม่ว่าจะด้วยหลักเกณฑ์ใด ผมเชื่อว่ากองทัพไทยก็ไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นก้าวที่จำเป็นที่ได้ก้าวออกไปด้วยความลังเลใจ ผมไม่สามารถนึกถึงประเทศในตะวันตกประเทศใดเลยในความทรงจำที่เกิดสถานการณ์ทางสังคมและการเมืองที่ติดขัดอย่างที่ประเทศไทยประสบมาใน 6 เดือนนี้ ทำให้รัฐบาลและการเมืองพิการ พร้อมทั้งมีความรุนแรงและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นทุกที
เมื่อสถานการณ์เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็เป็นที่ชัดเจนอย่างเจ็บปวดว่าปัญหานี้ไม่มีทางออก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาการประนีประนอมที่มีเหตุผล หรือแสดงถึงแนวโน้มที่จะประนีประนอมเลย กองทัพได้แสดงถึงความอดทนอดกลั้นอย่างมากที่จะยืนมองสถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ และให้เวลาและโอกาสอย่างมากมายแก่นักการเมืองในการแก้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ ราคาของช่วงเวลานั้นถูกจ่ายไปโดยประชาชนไทย ในรูปของคราบเลือด ความเครียด และการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ และเมื่อชัดเจนแล้วว่าไม่มีทางออกที่มีเหตุผลเป็นทางเลือกเหลือแล้ว กองทัพจึงได้ก้าวเข้ามา
อาจเป็นเรื่องง่ายที่คนที่อยู่ห่างไกลจะมองว่าเหตุการณ์ในประเทศไทยเป็นการปะทะกันระหว่างผู้ "สนับสนุน" และ "ต่อต้าน" ประชาธิปไตย แต่นั่นไม่ถูกต้อง มีน้อยคนในทั้งสองฝ่ายการเมืองที่ต่อต้านแนวคิดระบอบประชาธิปไตยที่ทำงานได้จริง ผมเชื่อว่าทั้งกองทัพไทย พรรคการเมืองไทย และประชาชนไทย ก็ต้องการประชาธิปไตย ที่ทำงานได้และยั่งยืน และเป็นสะท้อนเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนไทย
ผมเชื่อว่า สภาพการณ์ในปัจจุบันก่อให้เกิดโอกาสในการ "เริ่มต้นใหม่" ที่มีประสิทธิภาพสำหรับประชาธิปไตยไทย ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการและความหวังของคนไทย ประชาธิปไตยในประเทศไทยยังถือว่ามีอายุน้อย และประชาธิปไตยในตะวันตกต่างก็ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและปฎิรูปครั้งใหญ่ทั้งสิ้น และนี่คือสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของระบบการเมืองการปกครอง ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การวางรากฐานโครงสร้างทางการเมืองที่แข็งแรงและยั่งยืนที่จะเป็นเสาหลักให้กับความสำเร็จของประเทศไทยในการก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมือง แต่ต้องประสบกับผลของรายงานข่าวของสื่อที่เกินความเป็นจริง ซึ่งสร้างภาพที่บิดเบี้ยวและไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รายงานข่าวเหล่านี้อาจจะทำให้ขายหนังสือพิมพ์และสร้างผู้ชมโทรทัศน์ได้ แต่กลับเป็นการสร้างความตระหนกและก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกคำเตือนและส่งผลเสียร้ายแรงต่อการท่องเที่ยว
สำหรับชาวต่างชาติจำนวนมากในกรุงเทพ หรือนักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดความกังวลในการเดินทางเลย แต่ประเด็นนี้ก็ไม่มีการพูดถึงในสื่อต่างชาติหรือรวมอยู่ในคำเตือน ชีวิตในประเทศไทยยังดำเนินไปตามปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงต่อภาพในหัวของใครก็ตามที่รับชมช่องข่าวนานาชาติ
อุตสาหกรรมการบริการมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย สร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และสร้างรายได้เป็นพันล้านดอลลาร์ให้กับประเทศไทย ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากเสน่ห์ ความปลอดภัย และอัธยาศัยไมตรี อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ มีถึง 62 ประเทศที่ออกคำเตือนในการเดินทางมาประเทศไทย และ 18 ประเทศในนั้นยังคงอยู่ในระดับสีแดง ซึ่งแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทย คำเตือนเหล่านี้เป็นที่น่างุนงงสำหรับผู้ที่มีความเข้าใจ และยังคงเดินทางมายังประเทศไทย และทราบว่าประเทศไทยยังคงยินดีต้อนรับนักเดินทางเป็นล้านๆ คนจากทั่วโลกด้วยโดยสันติ ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่าย โดยเฉพาะสื่อมวลชน ที่จะนำเสนอเหตุการณ์ที่ถูกต้อง ในบริบทที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจ แทนที่จะสร้างความเข้าใจผิดต่อสถานการณ์ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรจะคิดให้รอบคอบ ถึงผลเสียที่รุนแรงจากคำพูดและการกระทำที่ส่งผลต่อประชาชนชาวไทย
นักท่องเที่ยวปัจจุบันนี้ฉลาดกว่าที่ผ่านมา และจากการที่หลายประเทศทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมือง และภัยธรรมชาติ นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าต้องอาศัยข้อมูลเหล่านี้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจวางแผนการเดินทาง นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะยึดข้อมูลที่มาจากผู้ที่อยู่ในพื้นที่จริง ที่เข้าใจว่าคำพูดและการกระทำจะมีผลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ้าสื่อมวลชนยังคงนำเสนอมุมมองที่เน้นสีสันและภาพที่สรุปเอาอย่างง่ายๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย นั่นไม่เพียงแต่เป็นการไม่ทำหน้าที่ต่อประชาชนผู้รับข่าวแล้ว ยังเสี่ยงต่อการลดความสำคัญของสื่อมวลชนเองด้วย
ประเทศไทยยังคงมีความสงบและยินดีต้อนรับชาวต่างชาติด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และโอกาสในการดำเนินธุรกิจยังคงเปิดกว้าง นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่ได้รับการสื่อสารโดยสื่อต่างชาติและสถานทูตต่างๆ
แม้ว่าผมจะมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการนำเสนอเหตุการณ์ในประเทศไทย ผมก็ยังคงมีความเคารพและชื่นชมบทบาทในทางบวกที่สื่อสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างความเข้าใจต่อประเทศต่างๆ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่าย ทั้งสื่อและองค์กรต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย สามารถที่จะร่วมมือกันสร้างสิ่งที่ดีเกี่ยวกับประเทศไทยที่เรารู้จักและรัก ผมขอกระตุ้นให้สื่อทำหน้าที่ชักจูงใจประชาชนด้วยหลักการวิชาชีพและด้วยจรรยาบรรณ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ซื่อสัตย์และชัดเจนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอกระตุ้นให้รัฐบาลนานาชาติทบทวนระดับคำเตือนในการเดินทาง และแก้ไขประกาศที่ออกมาก่อนหน้านี้ เพื่อให้สะท้อนข้อเท็จจริงว่า ประเทศไทยนั้นมีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ในการเดินทางมาเยือน ผมขอแสดงความชื่นชมชาติและสื่อต่าง ๆที่ได้นำเสนอข่าวของการรัฐประหารและสถานการณ์ความมั่นคงในประเทศไทยอย่างสมดุล ผมขอแสดงความนับถือในหลักจรรยาบรรณของท่าน
เราต่างเห็นพ้องกันว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของประเทศไทยและเศรษฐกิจของประเทศ และไม่ควรจะเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิด การนำเสนอที่ผิดพลาด และการกล่าวเกินความจริง ประเทศไทยยังเปิดทำการสำหรับทุกคน และมีความปลอดภัย เป็นมิตร และยินดีต้อนรับชาวต่างชาติ อย่างเช่นที่เคยเป็นมาทุกประการ
ผมรู้ว่าจดหมายของผมเป็นเพียงเสียงเดียว แต่หากไม่มีเสียงใดๆเลย ก็ไม่สามารถมีบทสนทนาขึ้นมาได้ ผมหวังว่าความคิดของผมจะสามารถต่อให้เกิดการไตร่ตรองและสร้างการสนทนาที่มีประโยชน์ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของประเทศไทยในวันนี้
ด้วยความจริงใจ : วิลเลียม อี. ไฮน์เนคกี ประธานกรรมการบริหาร และประธานบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชันแนล

Read Comments
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น