You can replace this text by going to "Layout" and then "Edit HTML" section. A welcome message will look lovely here.
RSS

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โปรดใช้วิจาณณาญให้การอ่านข้อมูลฝ่ายอำมาตย์

โปรดใช้วิจาณณาญให้การอ่านข้อมูลฝ่ายอำมาตย์

วันที่ 26 มิ.ย.57 อัศจรรย์..สามเสาค้ำยันให้ชนชาติไทยรอดจากการแตกเป็นเสี่ยง (ตอนที่ 3)

จีนกับไทยเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมากว่า 1,000 ปี มาแล้ว แต่ได้ห่างหายทางการทูตกับไทยไประยะหนึ่ง หลังจากประเทศเขาเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ตามแนวเหมาเจ๋อตุง และปิดประเทศ อยู่หลังม่านไม้ไผ่ไประยะหนึ่ง

แต่แล้วก็เกิดเหตุพลิกผัน เปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ไทย-จีน เมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ซึ่งเป็นโอรสคนคนที่ 4 ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค) เมื่อครั้งท่านตั้งพรรคการเมือง และได้รับการเลือกจากสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 13 ของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2518

ในช่วงนั้นมีการสู้กันของเขมร 3 ฝ่าย อเมริกาสนับสนุนเขมรฝ่ายหนึ่ง ตอนนั้นมีกรณีที่เรือรบขนาดใหญ่ของอเมริกาใช้น่านน้ำไทย ผ่านไปสู่น่านน้ำและแผ่นดินเขมร โดยอเมริกามีการใช้ไทยเป็นฐานสงคราม รัฐบาลของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ประกาศนโยบายว่าต่อไปถ้าอเมริกาใช้น่านน้ำไทย หรือผ่านแผ่นดินไทย จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลไทยก่อน

รวมทั้งได้เรียกตัวทูตกลับประเทศ เพื่อเป็นการแสดงความไม่พอใจ เป็นการแสดงความกล้าหาญของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จนอเมริกาถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยในเวลาต่อมา เป็นการเปิดฉากการเมืองระหว่างประเทศในเวลาที่แหลมคมมาก

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มีนโยบายเปิดความสัมพันธ์กับจีน หลังจากที่ตัดขาดความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลมาเป็นเวลานาน เป็นการตัดสินใจจุดเริ่มต้นการเมืองระหว่างระหว่างประเทศ และทางการทหารด้วย เพราะจีนหนุนหลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และคณะผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี พ.ศ. 2518 เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ทางการทูตระหว่าง ประเทศที่การเมืองไทย สามารถควบคุมระบบทหารได้

นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2518 เป็นต้นมา มีการลงนามอย่างเป็นทางการของผู้นำรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ในพิธีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต มิตรภาพอันแน่นแฟ้นและความร่วมมือด้านต่างๆ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีนเป็นไปด้วยดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและรอบด้าน

โดยเฉพาะสัมพันธไมตรีที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้นำจีนและสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จีน ยกเลิกการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในไทย ด้านทุน อาวุธ ในเวลาต่อมา จนอ่อนแอและพ่ายแพ้ต่อรัฐบาล พล.อ.เปรม ในที่สุด และมีการเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตอีกหลายครั้งอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งยากที่ประเทศอื่นใดจะเสมอเหมือน ตราบกระทั่งปัจจุบัน

อเมริกา สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย จึงคั่งแค้น ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ ของไทย จึงร่วมหัวกับบริษัทเผาไทยแดงล้มเจ้า ให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงต่างๆ นาๆ กุข่าวเรื่องเสียๆ หายๆ กล่าวร้ายให้พระองค์เกี่ยวโยงกับเรื่องทางการเมืองและธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนที่หูเบาเข้าใจผิด

สมัยรัฐบาลเลือกตั้งเผาไทยที่ผ่านมา ได้ยอมเป็นทาสประเทศตะวันตกหลายอย่าง ที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ของไทยกับจีนจนเกิดการหมางเมิน การค้าระหว่าง 2 ประเทศหยุดชะงักลง เช่น การยอมให้อเมริกามาเช่าฐานทัพเรือ โดยอ้างว่าใช้เป็นฐานทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่แท้คือเป็นฐานใช้สำหรับส่งอาวุธชนิดไร้คนขับ เพื่อโจมตีทางทหารต่อจีน ทำให้จีนไม่พอใจรัฐบาลปูเน่ากรณีนี้อย่างมาก

และจีนนั้นมีโยบายการปราบปรามทุจริตอย่างเฉียบขาด รัฐมนตรีรถไฟเขาถูกจับได้ศาลก็ตัดสินประหารชีวิต ผู้บริหารมณฑลหนึ่งของเขาจัดงานเลี้ยงหรูหรา อีกมณฑลหนึ่งขี่หลังลูกน้องขณะเกิดน้ำท่วม เขาปลดออกหมดทันที รัฐที่แล้วชอบอ้างชื่อประเทศจีนว่าทำการค้าแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับไทย เช่นเรื่องขายข้าว , เรื่องแท็บเล็ตพี่ซีเด็ก ป.1 ฯลฯ แต่จริงๆ ไม่เคยมีเลย

เมื่อหมดยุครัฐบาลเลือกตั้งเผาไทย ที่เป็นทาสอเมริกา และเข้าสู่ยุค คสช.บริหารประเทศ จีนจึงรู้พึงพอใจอย่างมาก เพราะจีนอ่านขาดว่าไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอาเซียน ที่จะรวมตัวกันเป็น AEC มีประชากรรวมกันกว่า 630 ล้านคน

จีนจึงอยากกลับมาฟื้นฟูความสำคัญใกล้ชิดทางการเศรษฐกิจการค้ากับไทย ยิ่งเข้าทราบว่า หัวหน้า คสช.มีความจงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก จีนยิ่งมีความมั่นใจในการลงทุนทำการค้ากับไทยมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดส่งคณะทูตจีนมาพบผู้แทนฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช.อย่างเป็นทางการ

เมื่อวานนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ให้การต้อนรับ นายหนิง ฟู่ขุย (H.E. Mr.Ning Fukui) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และคณะที่ ได้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการ ได้มีการสนทนากันในเรื่องต่างๆ ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรไมตรีมาก

ทูตจีนได้ขอบคุณผู้บัญชาการทหารอากาศที่ได้เคยเดินทางไปเยือนจีนเมื่อปลายปี 2556 และ อีกทั้งจีนมาเยี่ยมไทยในฐานะที่ผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นรองหัวหน้า คสช. และเป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจด้วย จีนมีความเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยในช่วงรัฐบาลเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอย่างมาก

แต่หลังจากที่ คสช.ได้เข้ามาบริหารจัดการและใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านต่างๆ แม้จะเป็นเวลาเพียง 1เดือน ก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจว่า การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนจะมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น จีนได้มองเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยที่ "เป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอาเซียน"

นอกจากนั้นไทยกับจีนยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาเป็นเวลาช้านาน จึงเชื่อมั่นว่านักลงทุนของจีนจะได้กลับมาดำเนินธุรกิจการค้าในเวลาอีกไม่นานนี้ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้า คสช. และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ

นับแต่นี้จะทำให้การค้าระหว่างไทยกับจีน ที่หยุดชะงักลงจากรัฐบาลก่อน กลับมาฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ทางการจีนจะให้ความสำคัญทางด้านการค้าการลงทุนกับไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ส่วน พล.อ.อ. ประจิน กล่าว ขอขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้ความสำคัญกับประเทศไทย และเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย จนกระทั่งเป็นเหตุให้ คสช. ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อคืนความสันติสุขให้กลับมาสู่ประชาชน

โดย คสช. มีขั้นตอนการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาของประเทศตามแนวทางของหัวหน้า คสช. เพื่อให้ประเทศไทยได้กลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ในเวลาอีกไม่นานนี้ และขอให้มั่นใจว่า คสช.จะดูแลชาวต่างประเทศและนักลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี ด้วยความตั้งใจและจริงใจเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนได้กลับมาเที่ยวประเทศไทยอย่างที่เคยเป็นมา และหากมีสิ่งใดที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการติดต่อระหว่างกันขอได้แจ้งให้ทราบ เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ได้ดำเนินไปด้วยความราบรื่นและยั่งยืนตลอดไป

ถ้าเราไม่มีบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ เสาหลัก 1 ใน 3 ของชนเผ่าไทยในอดีตไทยกับจีนวันนั้น ป่านนี้ประเทศไทยอาจต้องเผชิญมรสุมทางการเมืองการปกครอง 2 ด้าน คือ จากด้านแรกอเมริกา สหภาพยุโรป และด้านสองจากจีน

คนไทยที่หมิ่นเบื้องสูงเป็นพวกเนรคุณ และไม่รู้จักสำนึก ว่าบรรพบุรุษประเทศของเรา รอดพ้นภัยคุกคามจากต่างประเทศมาได้ ก็เพราะพระบารมีพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงเสียสละเพื่อราษฎรมาอย่างยาวนานสั่งสมมานั่นเอง

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยรับสั่งว่า “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกวันนี้ที่ท่านเดินไม่ได้คล่อง เพราะทรงขับรถเข้าไปในที่ทุรกันดารและไม่มีถนนเป็นเวลานานมากๆ เลยทำให้กระดูกสันหลังของพระองค์มีปัญหา

คณะแพทย์เคยกราบบังคมทูลให้ทรงงดพระราชกรณียกิจ แต่ทรงตรัสตอบว่า งานพระองค์ไม่มีวันหยุดจะให้ทำอย่างไร พระองค์จะทรงเฮลิคอปเตอร์ เฉพาะที่ทรงมีพระวินิจฉัยว่าจำเป็นเท่านั้น เพราะการที่ทรงขับรถเอง จะทำให้มองเห็นสภาพพื้นที่จริงและจอดแวะตรวจพื้นที่ได้ง่ายกว่า “

ทั้งหลายทั้งมวล ด้วยเหตุผลเดียว...” เพราะพระราชาของไทย ท่านทรงรักคนไทยยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง”..คนไทยจงภูมิใจและสามัคคีกันเถิด เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงเป็นเสาค้ำยันให้ชนชาติไทยรอดจากการแตกเป็นเสี่ยงตลอดมาและตลอดไป

@ เสธ น้ำเงิน3
https://www.facebook.com/topsecretthai

รูปภาพของ แฉ..ความลับ
รูปภาพของ แฉ..ความลับ
รูปภาพของ แฉ..ความลับ

รูปภาพของ แฉ..ความลับ

Read Comments
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น