โดย...สุรชัย แซ่ด่าน ประธานกลุ่มแดงสยาม
คนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย อย่าได้หลงทาง เป็นปลื้มไปกับโรดแมปของ คสช.ที่เป็นแผนเจ้าหลอกลิงอย่างเด็จขาด
ตามที่คณะ คสช. ประกาศโรดแมปออกมา มีขั้นตอนว่า เดือนกรกฎาคม ข้างหน้านี้
จะประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองชั่วคราว และตั้งสภานิติบัญญัติ
เลือกนายกรัฐมนตรี ไม่เกินเดือนตุลาคม 2557 จากนั้น ตั้งสภาปฎิรูป
ร่างรัฐธรรมนูญถาวร แล้วจะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเดือน
กรกฎาคม 2558นั้น
ทั้งหมดนี้เป็นไปตามวงจรอุบาทที่ผ่านมา
แต่ที่น่าสังเกตคือ ตามแผนการเดิมของอำมาตย์ที่แสดงออก
ต้องการแช่แข็งประเทศไทย ไม่ให้มีการเลือกตั้งถึง 5 ปี
แต่พอตอนนี้กลับประกาศโรดแมป จะให้มีการเลือกตั้งในปีหน้า
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะถูกกดดันอย่างหนัก ทั้งในและนอกประเทศ
จนเกิดอาการถอยกรูดเร็วเกินคาด การประกาศโรดแมปออกมา
ก็เพื่อหาทางลดแรงกดดันนั่นเอง
คสช.เวลานี้อยู่ในอาการ “ปากกล้า
ขาสั่น” ทั้งกรณีสหรัฐอเมริกาตัดความช่วยเหลือทางทหาร งดการฝึก คอบร้าโกลด์
และกรณีกลุ่มประเทศ อียู 28 ประเทศประกาศไม่คบค้าด้วย
รวมทั้งการประกาศจัดตั้งเครือข่ายเสรีไทยโดยท่านจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ ด้วย
ปากพูดว่าไม่กระทบ จัดให้มีการทำโพล ให้นักธุรกิจออกมาพูดแบบปลอบใจตัวเอง
และหลอกประชาชน แต่รีบให้พระเทพฯ เดินทางไปเยอรมัน
ที่เป็นโต้โผใหญ่ของกลุ่มอียู โดยหวังจะกล่อมเยอรมัน
ให้ช่วยผ่อนคลายแรงกดดัน
ก็อยากจะดูว่าเยอรมันเขาจะคลั่งไคล้กษัตริย์ไทยหรือเปล่า
เป็นเจ้าหลอกลิงไทยนั้นพอทำได้ แต่จะเป็นเจ้าไปหลอกลิงเยอรมัน
ที่เขาเลิกระบอบระบอบเจ้าไปนานแล้ว จะทำได้แค่ไหน
โรดแมปของ คสช.
อันดับแรกคือ ธรรมนูญการปกครองชั่วคราวก็คงจะเหมือนกับฉบับหลังการรัฐประหาร
17 พย. 2514 ของจอมพลถนอม กิตติขจร ที่นายกรัฐมนตรีเป็นข้าราชการประจำได้
เพื่อเปิดทางให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีควบ
ผบ.ทบ.
จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็จะถูกแต่งตั้งโดย
คสช.เป็นสภากำมะลอ ภายใต้ท็อปบู๊ท รองรับอำนาจของ คสช.
สภานิติบัญญัติแห่งชาตินี้ก็จะประชุมเลือก พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา
เป็นนายกรัฐมนตรี และในเดือนตุลาคม ก็จะลงมติต่ออายุราชการให้แก่
พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชาด้วย
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง ผบ.ทบ.
สภาปฎิรูปภายใต้อำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก็จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรขึ้นมา เนื้อหาจะเหมือนกับรัฐธรรมนูญ ปีพศ.2519
สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ที่นายกรัฐมนตรีเป็นข้าราชการประจำได้ และ
ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อคุมกำเนิดพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ก็จะตั้งพรรคการเมือง และลงเลือกตั้ง โดยไม่ต้องลาออกจากตำแหน่ง
ผบ.ทบ. นี่คือโรดแมปของ คสช.และผลที่จะออกมา
แต่ที่ในโรดแมปไม่ได้พูดก็คือ
จุดมุ่งหมายของการรัฐประหารยึดอำนาจในครั้งนี้
ที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วคือ ในวันที่ 2 เมษายน 2558
จะมีการเสนอแต่งตั้งประธาน กปปส.เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
หรือขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หญิงองค์แรกของประเทศไทยหรือไม่
จากนั้นจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมมใหญ่ทุกฝ่าย เพื่อความปรองดองใหญ่
แฮปปี้เอ็นดิ้งทั่วหน้า สถาบันกษัตริย์ไทยก็มีความมั่นคงสถาพรตลอดกาลนาน
คนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย
เราจะเป็นลิงให้ถูกเจ้าหลอกอยู่อย่างนี้หรือ ถ้าไม่ยอมก็อย่าไปหลงทาง
อย่าไปเชื่อโรดแมปของ คสช. อย่าไปหลงกลแนวทางเลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการ
เราคนไทยตกอยู่ภายใต้วงจรอุบาทนี้มานาน 80 กว่าปีแล้ว ต้องสลัดให้หลุดพ้น
โดยการเดินแนวทางนอกสภาฯ ไม่ว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่
จัดตั้งมวลชนสร้างฐานที่มั่นสะสมกำลังรอคอยโอกาสลุกขึ้นสู้
ปลดปล่อยประเทศไทยจากระบอบศักดินา
สถาปนาระบอบประชาชนไทยขึ้นเป็นสาธารณรัฐให้จงได้
ด้วยจิตคารวะ
สุรชัย แซ่ด่าน
ประธานกลุ่มแดงสยาม
30 มิถุนายน 2557
ก่อนการรัฐประหารยึดอำนาจของ คสช.เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชาได้รับการประเมินว่ามีความฉลาดกว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้า คมช.ที่ทำการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อ 19 กันยาย น 2549 เพราะได้แสดงท่าทีและจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารมาโดยตลอด บอกว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาของประเทศ มีบทเรียนมาแล้วเมื่อ 19 กันยายน 2549
แต่สุดท้าย พล.อ ประยุทธ จันทร์โอชา ทำในสิ่งที่ตัวเองปฎิเสธแสดงความเป็นคนสับปรับโกหก หลอกลวงเชื่อถือไม่ได้และการรัฐประหารครั้งนี้เลวร้ายกว่าการรัฐประหารในยุค คมช. ที่ทำโดย พล.อ สนธิ บุญยรัตกลินเสียอีก เพราะเป้าหมายรุนแรงกว่าสูงกว่าและคิดจะทำสังคมไทยย้อนยุคกลับไปสู่รัฐเผด็จ การทหาร สังคมศักดินาล้าหลัง
การรัฐประหาร เมื่อ 19กันยายน 2549 ที่ทำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตามคำสั่งของผู้ที่ พล.อ.สนธิ รับสารภาพว่า “ถึงตายก็บอกไม่ได้ ” คำตอบเช่นนี้ก็ชัดเจนว่าหมายถึงพระเจ้าอยู่หัว กับ พระราชินี เป้าหมายของการรัฐประหารคือขจัด พตท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยที่ถูกระแวงว่าจะเป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์
แต่การรัฐประหารครั้งนี้วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ทำโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชาซึ่งก็ถูกบงการโดยพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลเช่นกัน แต่เป้าหมายรุนแรงกว่าและสูงกว่าการรัฐประหารเมื่อ 19กันยายน 2549 คือนอกจากตระกูลชินวัตรพรรคเพื่อไทยคนเสื้อแดงแล้วยังมีเป้าหมายจัดการกับ ลูกชายของตนคือ สมเด็จพระบรมฯ ด้วยเพราะไม่ต้องการให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ 10 โดยให้ลูกสาวขึ้นแทน เพราะไม่ไว้วางใจลูกชายและไม่ปลื้มกับลูกสะใภ้ที่ไร้สกุลรุนชาติอีกทั้งยัง ต้องการล้างบุคคลที่ละเมิดมาตรา 112ด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้คำพูดและการกระทำในการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา จึงถูกประเมินกลับว่าโง่กว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เสียอีก ดังนั้นอะไรที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา กับคสช.พูดต้องมองกลับกันเสมอเช่นพูดว่าจะไม่ยึดอำนาจไม่เกี่ยวกับสถาบันก็ แสดงว่าถูกสั่งจากสถาบันกษตริย์ ทำจดหมายขอโทษ สมเด็จฮุนเซน เรื่องแรงงานชาวกัมพูชาว่าไม่ได้เจตนาขับไล่ ก็แสดงว่าขับไล่เพราะไม่พอใจเข้าใจว่ากัมพูชาให้ที่หลบซ่อนแก่คนที่หลบภัย รัฐประหาร
หรือการที่โฆษก คสช.ออกมาปฎิเสธคำพูดปราศรัยของนายสุเทพที่ว่าได้มีการติดต่อกับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา มาตลอดในการเตรียมก่อการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2553 ตลอดมาก็แสดงว่าที่นายสุเทพพูดปราศรัยเป็นเรื่องจริง ดังนั้นความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นข้ออ้างในการก่อการรัฐประหารยึดอำนาจในครั้งนี้จึงเป็นละคร ที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา จึงเสื่อมเร็วเกินคาดแค่หนึ่งเดือนก็เกิดการถอยกรูดยิ่งกว่ายุค คมช.ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินเสียอีก
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ คสช.เสื่อมเร็วและต้องถอยกรูดเร็วเกินคาดยิ่งกว่ายุค คมช.ก็เพราะยุค คมช.ในปี 2549 ยังไม่มีคนเสื้อแดงและคนไทยยังไม่ตาสว่าง ทั้งประเทศทั้งประเทศอย่างปัจจุบันและการคัดค้านจากนานาชาติก็ไม่รุนแรงเท่า ปัจจุบัน สถาบันกษัตริย์ก็ยังไม่เสื่อมทรุดเท่าปัจจุบัน
เมื่อเป็นเช่นนี้สถานะเชิงรุกของ คสช. ก็สิ้นสุดการสั่งให้บุคคลต่างๆ เข้ารายงานตัวก็แทบไม่มีแล้วการประกาศกฎอัยการศึกก็ต้องยกเลิกยิ่งการส่ง เสริมให้เหล่าทหารระดับต่างๆ ออกมากร่างใช้อำนาจเต็มที่ ตรวจค้นจับกุมยึดสิ่งของที่ระบุว่าผิดกฎหมายข้ามหัวตำรวจและหน่วยราชการ อื่นๆ ยิ่งทำให้เกิดอาการหมั่นไส้ไม่พอใจอย่างรุนแรง เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะเกิดสภาพที่ว่า “ถึงทีกูบ้างละว่ะอดอยากมานาน” คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ที่ว่าทหารไม่โกงแต่การกระทำจะเปิดให้โกง เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเผด็จการยุคไหนที่ไม่โกง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัฐ ,จอมพลถนอม กิติขจร โกงหรือเปล่าคนไทยยุคนี้ไม่ใช่เมื่อ 50ที่จะเชื่อท่านผู้นำอีกแล้ว
เมื่อหมดสถานะเชิงรุกก็เริ่มตกอยู่ในสถานะตั้งรับ ดังนั้นคนเสื้อแดงและกลุ่มความคิดแดงสยามทั้งหลาย ขอให้ใช้ความชาญฉลาดหายุทธวิธีรุกกลับ คสช.ด้วยวิธีการต่างๆ และรวมตัวจัดตั้งกันอย่างลับๆ ซุ่มซ่อนรอคอยโอกาส ส่งเสริมคนที่มีจิตใจต่อสู้ มีความสามารถไม่เห็นแก่ตัวเป็นผู้นำแต่ละกลุ่มอย่าแย่งการนำโดยขาดการ ประเมินตัวเอง ที่สำคัญต้องเน้นเรื่องความลับเพื่อความปลอดภัยเพราะเรากำลังต่อสู้อยู่กับ เผด็จการศักดินาที่โหดเหี้ยม
เมื่อเราจัดตั้งหน่วยย่อยต่างๆ แต่ละหมู่บ้านตำบลมากมาย เมื่อถึงโอกาสก็จะรวมตัวกันจัดเป็นทัพใหญ่ สร้างฐานที่มั่นขึ้นมาเมื่อนั้นพลังอำนาจแห่งการต่อสู้ของขบวนการประชาชน ก็จะยิ่งใหญ่เป็นจริงขึ้นได้ เวลาของพวกเรามาถึงแล้วเร็วเกินคาด...........ตื่นเถิดพี่น้องไทย
ด้วยจิตคารวะ
สุรชัย แซ่ด่าน
ประธานกลุ่มแดงสยาม
เครือข่ายเสรีไทย
28 มิถุนายน 2557
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น