ให้ยึดแนวคิด “ให้ประชาชนเข้มแข็ง” ไม่ใช่รัฐเข้มแข็งฝ่ายเดียว (เดี๋ยวประยุทธจะเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารักแบบหนัง Home Alone )
และให้ปฏิรูปกระจายอำนาจตำรวจ ให้ประชาชนแต่ละท้องถิ่นกำกับดูแลเองได้
ลองอ่านดู:
ภารกิจปฏิรูปของ คสช. แก้วสรร อติโพธิ
กระแสข่าวปัจจุบันน่าจะพอฟังให้เชื่อได้แล้วว่า การปกครองโดยอำนาจรัฐประหารของ คสช.ไม่ว่าจะมีธรรมนูญการปกครองหรือไม่มี น่าจะอยู่ดูแลและปฏิรูปบ้านเมืองไปจนถึงปลายปี ๒๕๕๘ หรือประมาณ ๑๗ เดือนนับจากนี้
ในเวลาเพียงเท่านี้นับไปแล้วจะมีผลงาน “ ปฏิรูป” อะไรบ้างในยุค คสช.ที่จะไม่เลือนหายไปตามกาลเวลาเช่นรอยเท้าบนชายหาด ก็มีข้อที่ผมจะขอวิเคราะห์ในทำนองปุจฉา – วิสัชนา ไปโดยลำดับดังนี้
ถาม อาจารย์เคยวิพากษ์ว่า ผลงาน คสช.ไม่ควรจะเป็นการปรองดองกุ๊กๆกิ๊กๆ แล้วปฏิรูปก๊อกๆแก๊กๆ แล้วในเวลาแค่ ๑๗ เดือนอย่างนี้ เขาจะทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้
ตอบ เฉพาะเรื่องชำระล้างตัวระบอบทักษิณนั้น ต้องเดินหน้ากวาดล้างทั้งอาวุธสงครามและแกนก่อการร้ายให้เกลี้ยงให้ได้ พร้อมทั้งวางระเบียบควบคุมวิทยุชุมชน-ทีวีอิสระ และสื่อมวลชนของรัฐอย่าให้ถูกนำมาใช้ล้างสมองชาวบ้านอีก เวลา ๑๗ เดือนน่าจะพอ
ถาม แล้วเรื่องชำระคดีคอร์รัปชั่นล่ะครับ
ตอบ ใช้สรรพกำลังทางบริหารเอาความจริงเรื่องจำนำข้าวออกมาให้กระจ่างให้ได้ แล้วโหมเผยแพร่กันให้รู้ทั้งประเทศ อะไรที่เป็นมูลอาญาก็ให้ ปปช.ทำเป็นสำนวนพร้อมฟ้องให้หมด อะไรที่เป็นความบกพร่องทางแพ่งทำรัฐเสียหายเป็นแสนล้านบาท ก็ให้กระทรวงการคลังฟ้องเรียกค่าเสียหายและอายัดทรัพย์สินจำเลยทุกคน แค่นี้เวลา ๑๗ เดือน ก็พอ
ถาม แล้วคอร์รัปชั่นเรื่องอื่นๆล่ะครับ
ตอบ ก็ให้ คตร.สแกนให้หมด โครงการไหนไม่มีคาวก็เดินหน้าไป อะไรมีคาวสกปรกก็สั่งยกเลิก แล้วมอบให้กลไก ทั้ง ปปช.กับ สตง.จัดการไปจนสิ้นกระแสความ ๑๗ เดือนก็รู้เรื่องหมด
ถาม แล้วบรรดาข้ารับใช้ระบอบทักษิณที่อยู่ในราชการล่ะครับ
ตอบ ผมว่า คสช.เขาก็กำลังคัดทิ้งอยู่ไม่ใช่หรือ
ถาม ทำทั้งหมดนี้แล้วก็ปฏิรูปโครงสร้างการเมืองอีกทีหนึ่ง ระบอบทักษิณก็หมดปัญญากลับมาได้แล้วอย่างนั้นหรือ
ตอบ เรามุ่งปฏิรูปการเมืองเพื่อไม่ให้ “ระบอบเผด็จการโดยพรรคการเมือง”กลับมาอีก ถ้าเราทำได้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยอาจจะยังอยู่และกลับมาในการเมืองได้ แต่ตัวพรรคและบรรดา สส.ก็จะไม่มีค่ามีบทบาทเป็นเพียงแค่สัตว์ในคอกของนายทุนเหมือนแต่ก่อน ได้อย่างนี้ก็ถือได้ว่า “ระบอบทักษิณ”ตายไปแล้ว และผมก็พอใจแล้ว
ถาม ได้อย่างนี้...คือได้อะไร?
ตอบ ได้ “เสรีภาพ”กลับมา คือไม่มีอันธพาลและผู้ก่อการร้ายทางการเมือง,ได้ข้าราชการที่ไม่เป็นเครื่องมือนักการเมือง,ได้สื่อมวลชนได้พรรคการเมืองที่ไม่เห็นคนเป็นควาย,ได้ที่ประชุมสภาที่มีเสรีภาพ มี สส.ที่รู้จักเกรงใจชาวบ้าน
ถาม งานปฏิรูปบ้านเมืองนี่ มีแค่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เท่านั้นหรือ
ตอบ ต้องคิดใหม่ร่างใหม่จริงๆ จากปัญหาที่เห็นอยู่เป็นอยู่จริงๆ จึงจะเรียกว่าปฏิรูป แล้วต้องเปลี่ยนลึกไปถึงโครงสร้างความคิดด้วย
ถาม เช่น ต้องยึดแนวคิด “ให้ประชาชนเข้มแข็ง” ไม่ใช่รัฐเข้มแข็งฝ่ายเดียว อย่างที่ อ.ธีรยุทธ บุญมี เขาว่า
ตอบ ใช่ครับ...คุณลองแก้ กฎหมายโทรคมนาคม ให้ กสทช.กันเงินค่าธรรมเนียม ๑ ก้อน ให้องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่จดทะเบียน เขาไปว่าจ้างบริษัทอิสระคอยติดตามตรวจสอบคุณภาพบริการของเอกชนได้เป็นปรกติธุระ เมื่อพบบริการที่ขาดมาตรฐาน ก็มีอำนาจยื่นโนติ๊สให้ กสทช.แก้ไขบริการเอกชนรายที่บกพร่องได้ โนติ๊สแล้วถ้า กสทช.ยังเฉยก็ให้ องค์กรฯฟ้องศาลปกครองให้สั่ง กสทช.ได้เลย ลองทำอย่างนี้ดู คุณว่าบริการโทรศัพท์บ้านเราจะดีขึ้นไหม
ถาม ผมว่าดีขึ้นแน่ๆ คิดอย่างนี้เราคงมีช่องทางให้ประชาชนดูแลประโยชน์ตนเองได้อีกมาก
ตอบ บางท่านเขาคิดถึงขนาดจะให้ประชาชนเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเลย หากทุจริตคิดมิชอบก็ให้ลงประชามติถอดถอนได้เลย, องค์กรอิสระนั้นก็ให้สรรหากันจริงๆ โดยกรรมการสรรหาจากทุกภาคส่วนและแก้คุณสมบัติให้เปิดกว้างอย่าให้ผูกขาดแต่เฉพาะพวกอดีตขุนนางใหญ่เท่านั้น, เลยไปถึงการสรรหาวุฒิสมาชิกจากทุกภาคส่วนโดยทุกภาคส่วนเองด้วย ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างว่า การปฏิรูปต้องมีเข็มมุ่ง และมีแนวคิดหรือกลยุทธเป็นตัวกำกับด้วย
ถาม เรื่องจัดระเบียบวินรถตู้นี่เป็นการปฏิรูปไหม
ตอบ เป็นแค่การใช้กองกำลังให้เป็นประโยชน์เท่านั้น ถ้าเป็นการปฏิรูปมันต้องสร้างระบบสัมปทานรับรอง รถสองแถว,รถตู้ และมอร์ไซค์ปากตรอกเลย การขนส่งนอกระบบพวกนี้มีค่ามีลูกค้าอยู่แล้ว แต่ระบบของเราไปปฏิเสธเขาเองจนเกิดความเฮ็งซวยขึ้นมา เราจึงควรต้องรับรองและวางมาตรฐานให้แต่ละรายเขาเข้ามาให้บริการโดยถูกต้องได้ด้วยสิทธิของเขาเองไม่ต้องมีบริษัทหรือสหกรณ์ใดมาเป็นเสือนอนกิน แล้วเรียกเก็บเงินเฉพาะค่าทำที่พักที่จอดและป้ายรอรถเท่านั้น ทำอย่างนี้จึงจะเรียกว่าปฏิรูปการขนส่งมวลชนด้วยกลยุทธแปรสินทรัพย์เป็นทุน ไม่ใช่แค่จัดระเบียบการจอดรถ
ถาม แล้วเรื่อง “กระจายอำนาจ” นี่นำไปสู่การปฏิรูปได้แค่ไหน
ตอบ ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นแนวคิดตรงที่เราต้องปรับ “ทำอำนาจให้เล็กลงและรับผิดชอบต่อประชาชนโดยตรง” เมื่อคิดอย่างนี้ ถ้าเป็นเรื่องตำรวจ ผมว่า ตำรวจนครบาลต้องถูกตัดมาอยู่กับ กทม.ได้แล้ว ตำรวจอื่นให้อยู่กับ “จังหวัด” มีบอร์ดประชาชนระดับจังหวัดคอยรับการประเมินผลและร้องทุกข์จากบอร์ดประชาชนระดับโรงพัก ทำอย่างนี้อำนาจตำรวจของรัฐก็จะเล็กลงและรับผิดชอบต่อชาวบ้านยิ่งขึ้นได้
ถาม ทำอย่างนี้แล้วจะอธิบายฐานความคิดอย่างไร
ตอบ อธิบายว่าความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องของชุมชนและท้องถิ่น ไม่ใช่เรื่องของรัฐที่จะตั้งกองทัพตำรวจขึ้นดูแลให้บริการทั้งประเทศ
ถาม สรุปแล้ว งานปฏิรูปนี่ ต้องมีฐานเป็นการเปลี่ยนความคิด
ตอบ ครับ..ถ้าไม่มีก็เป็นแค่งานปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่านั้น
ถาม ที่อาจารย์พูดมานี่ ใช่ความคิด คสช.ไหม?
ตอบ ผมไม่รู้ความคิดของเขาว่า มีหลักคิดหรือไม่อย่างไร ดูเฉพาะที่พูดออกจากปากก็มาในนามของการคืนความสุข การคืนดีกัน และเริ่มต้นใหม่เท่านั้น ส่วนจะเริ่มต้นอย่างไรเขาก็ใช้คำว่า “ปฏิรูป”เหมือนกัน แต่มีความหมายอย่างไร ทำอย่างไร เรื่องอะไรบ้าง ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าจะมี “สภาปฏิรูป” เท่านั้น เขาตกที่นั่งเผชิญภัยอยู่คนเดียวง่วนอยู่คนเดียว ราวกับภาพยนตร์เรื่อง “หนูน้อยในบ้านใหญ่ ( Homealone ) ” ไปเสียแล้ว
ถาม ข่าวเขาว่า จะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คอยออกกฎหมายตามข้อเสนอของสภาปฏิรูปอีกที
ตอบ ก็คงต้องรอดูเขาต่อไป งานปฏิรูปเป็นงานที่ในแต่ละเรื่องต้องมีเข็มมุ่งมีการนำที่เข็มแข็งชัดเจนมาก ต้องสร้างกระบวนการศึกษา รับฟัง และมีส่วนร่วมทั้งกระบวนการ จะมาวี๊ดบึ้มรวมกันทุกเรื่อง ตัดตอน ตัดต่อมั่วๆกันไม่ได้ อย่างนี้..ทะเลาะกันตายเลย
ถาม ถ้าหลงทางก็จะเสียของ กลายเป็นยุคของการปรองดองกุ๊กๆกิ๊กๆ ปฏิรูปก๊อกๆแก๊กๆ ไปอย่างที่อาจารย์เตือนไว้ว่า..อย่าเป็นแค่รอยเท้าบนชายหาด
ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเสียดาย พ้น คสช.ไปแล้วทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิมหมด ระบอบทักษิณภาค ๓ ก็ต้องเผชิญกับ กปปส.ภาค๒ ต่อไปอีก
ถาม คุณทักษิณ เขาคงเบื่อหน้าอาจารย์มาก
ตอบ คงเบื่อคุณสุเทพด้วยเหมือนกัน...มันก็ต่างคนต่างเบื่อด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ
ถาม ถ้าทุกคนวางมือกันหมด...อะไรจะเกิดขึ้น
ตอบ เมื่อไม่มีการปฏิรูปอะไร...เผด็จการเลือกตั้งโดยพรรคนายทุนก็ต้องก่อตัวฟื้นกลับขึ้นมาอีก คอร์รัปชั่นอีกแล้วชาวบ้านทนไม่ไหวก็ลุกขึ้นสู้อีก จะเปลี่ยนไปแค่ใบหน้าผู้นำแกนนำเท่านั้นเอง ส่วนประเทศไทยก็ต้องล้มเหลวกองลงไปกับดิน ล้มกันไปทั้งชาติ ทั้งภาครัฐ ภาคเศรษฐกิจ และภาคสังคมไปในที่สุด นี่คืออาการระยะสุดท้ายของมะเร็ง Failed State
ถาม น่าจะมี คสช. ๒ อีก
ตอบ คงไม่มีใครเอาอีกแล้ว...แน่นอนเลย อาจมีแค่รัฐประหารนายร้อยนายพันที่กระเซอะกระเซิงอย่างรัฐประหารของร้อยเอกกองแลในปลายรัชสมัยเจ้ามหาชีวิต ที่ลาวเท่านั้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น