ใบตองแห้ง
งานอดิเรก (ที่เคยเป็นงานสำรองเลี้ยงชีพ) ของผมคือตามข่าวดาราเซเลบส์
นอกจากเดวิด-วิคตอเรีย เบคแฮม, เลดี้กาก้า, ลินด์เซย์ โลฮาน ฯลฯ
ราชวงศ์อังกฤษก็ถือเป็นเซเลบส์
ได้รับความนิยมจากคนที่ชอบติดตามข่าวดาราและช่างภาพปาปาราซซี โดยเฉพาะเคท
มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เจ้าหญิงผู้มาจากชนชั้นกลาง
ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งเลยทีเดียว หลังพิธีเสกสมรสบันลือโลก
เจ้าชายวิลเลียมกับเคทไม่ได้มีชีวิตสุขสำราญแบบเจ้าชายเจ้าหญิงในเทพนิยาย
อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่ปราสาทหลังใหญ่ แต่ประทับอยู่ในบ้านขนาด 2
ห้องนอนชื่อ Nottingham Cottage ในพระราชวังเคนซิงตัน
สลับกับประทับอยู่ในบ้านไร่ที่แองเกิลซีย์ ตอนเหนือของเวลส์
ใกล้ฐานทัพอากาศที่เจ้าชายวิลเลียมประจำการอยู่
พระราชวังเคนซิงตันไม่ได้เป็นของราชวงศ์ แต่เป็นสมบัติสาธารณะ
เชื้อพระวงศ์ที่มาอาศัยอยู่
ถ้าไม่อยู่ในลำดับที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของราชวงศ์ต้องจ่ายค่า
เช่า เคยมีกรณีของเจ้าชายไมเคิลแห่งเคนท์ ลูกพี่ลูกน้องของควีน
มาพักอยู่ในตำหนักขนาด 5 ห้องนอนตั้งแต่ปี 1979
โดยจ่ายค่าเช่าเพียงสัปดาห์ละ 70 ปอนด์ ตั้งแต่ปี 2002 แต่ถูก
ส.ส.เอาไปอภิปรายในสภา ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาต้องจ่ายค่าเช่าปีละ
120,000 ปอนด์ตามราคาตลาด
ล่าสุดมีข่าวว่าควีนอลิซาเบธจะยกพระตำหนักเดิมของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ขนาด
20 ห้อง สูง 4 ชั้น ให้เจ้าชายวิลเลียม โดยต้องใช้เงินบูรณะกว่า 1
ล้านปอนด์ ส่วนหนึ่งราชวงศ์ควักกระเป๋าเอง อีกส่วนมาจากกองทุนสาธารณะ
แต่ก็ถูกพวก Republic
ต่อต้านว่ารัฐบาลยอมให้ควีนยกพระตำหนักให้วิลเลียมได้อย่างไร
พร้อมเรียกร้องให้จ่ายค่าเช่าตามจริง ขณะที่องค์กรอิสระไม่แสวงหากำไร
Historic Royal Palaces
ที่ดูแลพระราชวังเคนซิงตันอยู่ก็บอกว่าจะต้องเจรจาค่าชดเชยกัน
เวลาเราดูภาพข่าวส่วนใหญ่
มักจะเห็นแต่ภาพวิลเลียมกับเคทแต่งตัวหรูหราออกงานพิธี
แต่นั่นคือการทำหน้าที่ของราชวงศ์
พ้นจากหน้าที่แล้วทั้งคู่ก็พยายามใช้ชีวิตเหมือนครอบครัวนายทหารทั่วไป
อย่างเช่น หลังเสกสมรสใหม่ๆ
ดยุคกับดัชเชสเดินทางไปเยือนแคนาดาและแคลิฟอร์เนีย
มีกองทหารเกียรติยศต้อนรับอย่างใหญ่โตสมพระเกียรติ
แต่พอกลับมาอยู่บ้านไร่ซึ่งวิลเลียมจ่ายค่าเช่าเดือนละ 750 ปอนด์
ก็มีภาพปาปาราซซีถ่ายดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ไปซื้อของห้างเทสโก้
เหมือนแม่บ้านธรรมดาๆ เพียงแต่มีบอดี้การ์ด 1 คน
(แถมบอดี้การ์ดยังไม่ช่วยยกของอีกต่างหาก)
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับราชวงศ์อังกฤษ เจ้าหญิงยูยีน
พระธิดาของเจ้าชายแอนดรูว์ ก็เคยมาเที่ยวเมืองไทยแบบซำเหมาพเนจร
นุ่งบิกินีลงทะเลที่ภูเก็ต แดนซ์กระจายในบาร์
แต่สื่ออังกฤษก็ไม่วายบ่นว่าในขณะที่เจ้าหญิงเที่ยวแบบซำเหมา 6 สัปดาห์
ขึ้นเครื่องบินชั้นประหยัด พักเกสต์เฮาส์ราคาคืนละ 15 ปอนด์กับเพื่อนๆ
รัฐบาลอังกฤษต้องจ่ายค่าบอดี้การ์ด 2 คนนับแสนปอนด์
เป็นค่าเครื่องบินชั้นบิสสิเนสและพักโรงแรมชั้นดี พร้อมเบี้ยเลี้ยงวันละ
150 ปอนด์ เจ้าหญิงยูยีนซึ่งมีแฟนเป็นบริกรชื่อ แจค บรูกส์แบงก์
ยังเป็นข่าวเฮฮาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ตอนไปเที่ยวในลอนดอน
แล้วปาปาราซซีจับภาพได้ว่าเธอถอดรองเท้าเดิน ใส่แต่ถุงเท้า
โบกรถแท็กซี่กับแฟนและบอดี้การ์ด 1 คน
เจ้าหญิงบีทริซกับเจ้าหญิงยูยีนเป็นขวัญใจหนังสือพิมพ์แทบลอยด์อังกฤษ
ซึ่งแม้จะลงข่าวเชิงหวือหวาฮือฮา แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า
ถ้าจะมีที่สื่อวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายบอดี้การ์ดอย่างที่ว่า
เพราะทั้งสองไม่น่าตกเป็นเป้าปองร้าย แต่รัฐบาลก็ยังต้องจ่ายราวปีละ
250,000 ปอนด์ต่อคน
นั่นเป็นภาพสะท้อนด้านหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข ในแบบอังกฤษ ซึ่งไม่มีกฎหมายหมิ่นราชวงศ์ แถมยังเปิดให้มีพวก
Republic ซึ่งก็คือพวกนิยมสาธารณรัฐ ต้องการให้ประมุขมาจากการเลือกตั้ง
(พูดง่ายๆว่าพวก “ไม่เอาเจ้า”) เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย
มีสิทธิมีเสียงเต็มที่ในระบอบประชาธิปไตย เช่นตอนที่มีพิธีเสกสมรส
ซึ่งรัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้มีปาร์ตี้ปิดถนน พวก Republic ก็จัด
“ปาร์ตี้ไม่เอาเจ้า” แข่งกับเขาด้วย อย่างไรก็ดี
เนื่องจากราชวงศ์อังกฤษไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง
ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง (นอกจากพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นลอร์ด
เป็นเซอร์ เช่นเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) ทหารเสือราชินี
(ควีนสปาร์คแรงเยอร์ เพิ่งขึ้นพรีเมียร์ลีก ฮิฮิ)
ก็ไม่ถือเอาความจงรักภักดีเหนือกว่าการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในสมเด็จ
พระราชินี แม้กระทั่งพระราชดำรัสของควีนอลิซาเบธเมื่อเปิดสภา
ก็ยังเป็นรัฐบาลร่างให้ (ไม่มีพระบรมราโชวาท นอกจากคำอวยพรสั้นๆ
ในวันสำคัญเช่นคริสต์มาส) พวก Republic เคลื่อนไหวให้ตายก็ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์อยู่เรื่องเดียวคือเรื่องงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน
ซึ่งราชวงศ์ก็พยายามจำกัดค่าใช้จ่ายลงเรื่อยๆ เช่นเมื่อปีที่แล้ว
ค่าใช้จ่ายของราชวงศ์ลดลงจาก 33.9 ล้านปอนด์เหลือ 32.1 ล้านปอนด์
ค่าใช้จ่ายนี้แยกเป็นหลายส่วน เช่น
เงินเดือนข้าราชบริพารและค่าใช้จ่ายงานพิธี 13.7 ล้านปอนด์
ค่าดูแลรักษาซ่อมแซมวัง 11.9 ล้านปอนด์
และค่าเสด็จเยือนทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นทางการ 6 ล้านปอนด์
ทั้งนี้สภาผู้แทนราษฎรเพิ่งออกกฎหมายใหม่ Sovereign Grant Bill
กำหนดค่าใช้จ่ายให้สำนักพระราชวังโดยคิดจากฐานรายได้สำนักงานทรัพย์สินของ
ราชวงศ์ (Crown Estate) ซึ่งมีสินทรัพย์ 6.2 พันล้านปอนด์
และมีกำไรปีละไม่ต่ำกว่า 200 ล้านปอนด์ (นำรายได้ส่งเข้าคลัง) อย่างไรก็ดี
พวก Republic วิจารณ์ว่า ค่าใช้จ่ายนี้ไม่ใช่ตัวเลขจริง
เพราะไม่รวมค่ารักษาความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของจริงน่าจะอยู่ราว 200
ล้านปอนด์ เป็นโสหุ้ยของประเทศแลกกับการยังมีราชวงศ์
(แต่มองมุมกลับที่จริงต่อให้อังกฤษเปลี่ยนเป็นระบอบประธานาธิบดี
ก็ไม่ใช่ว่าค่าใช้จ่ายเท่ากับศูนย์ เพราะต้องมีงานพิธีอยู่ดี และยังไงๆ
ก็ต้องดูแลซ่อมแซมวังที่เป็นโบราณสถาน) พวก Republic เคยคำนวณว่า
ค่าใช้จ่ายราชวงศ์ ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ราว 41 ล้านปอนด์
เป็นภาระประชาชนคนละ 69 เพนนี
แต่ผู้สนับสนุนราชวงศ์ก็โต้ว่าคิดแล้วราคาของการมีราชวงศ์
เฉลี่ยต่อหัวประชากรยังน้อยกว่าค่านม 2 ไพพ์ พวก Republic
มีเว็บไซต์ของตัวเอง http://www.republic.org.uk/
มีผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันราว 12,000 คนเท่านั้น
แม้ผลสำรวจความเห็นตอนงานเสกสมรสวิลเลียม-เคท ระบุว่าคนอังกฤษ 46% ไม่สนใจ
มีแค่ 37% ที่สนใจจริงจัง แต่นั่นก็มองได้ว่า
ราชวงศ์อังกฤษไม่จำเป็นต้องดำรงอยู่ด้วยการที่มีคนรักทั้ง 100% ขอแค่ 37%
หรืออาจจะ 40% - 50% ส่วนที่เหลืออาจจะเฉยๆ รู้สึกว่ามีดีกว่าไม่มี
รู้สึกว่ามีก็ไม่เดือดร้อนอะไร (แค่ค่านม 2 ไพพ์ แถมยังโบกแท็กซี่เอง)
อาจจะไม่รัก แต่ก็ไม่เกลียด ขณะที่มีคน “ไม่เอา” อยู่หยิบมือเดียว
ก็ปล่อยให้เคลื่อนไหวไป เพราะถือเป็นประชาธิปไตย มีสิทธิที่จะ “เอาเจ้า”
หรือ “ไม่เอาเจ้า” แต่ตราบใดที่เสียงส่วนใหญ่เขาเอา
พวกเสียงส่วนน้อยหยิบมือเดียวก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ก็มีด้านดีตรงที่การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อและพวก Republic
ทำให้ราชวงศ์ต้องทำตัวให้เหมาะสมเพื่อรักษาภาพลักษณ์
พยายามปรับตัวเพื่อให้เป็นที่นิยมของคนชั้นกลาง ที่เป็นประชากรส่วนใหญ่
อังกฤษไม่มีกฎหมายหมิ่นควีนหรือรัชทายาท แต่ถ้าใครแสดงกิริยาไม่เหมาะสม
สังคมก็บอยคอตต์
เช่นเคยมีดีเจวิทยุปิดคำอวยพรวันคริสต์มาสของควีนอลิซาเบธแล้วแสดงปฏิกิริยา
ไม่ควร ก็โดนคนฟังรุมด่าจนสถานีต้องไล่ออก
การหยามหมิ่นไม่ให้เกียรติบุคคลที่คนจำนวนมากเคารพรัก
ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นการไม่เคารพเสรีภาพในความเชื่อของผู้อื่น
ไม่ต่างจากคนนับถือศาสนาหนึ่งลบหลู่ศาสดาของอีกศาสนาหนึ่ง
คนที่ไม่รักก็ต้องเคารพเสรีภาพของคนที่เขารัก
แต่คนที่รักก็ต้องเคารพเสรีภาพของคนที่ไม่รัก
และเปิดใจกว้างรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม
อังกฤษก็เลยไม่มีคนชูป้ายทำหน้าสงสัยเต็มแก่ว่า “ทำไมไม่รักควีนอลิซาเบธ”
เพราะเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง ใครไม่รักก็สามารถอธิบายให้หายสงสัย
แต่หายสงสัยแล้วถ้ายังรักอยู่ก็เป็นเสรีภาพของใครของมัน
ตราบใดที่ราชวงศ์อังกฤษยังมีคนรักอยู่จำนวนหนึ่ง
และอีกจำนวนมากไม่เดือดร้อนกับการมีพระราชินีทรงเป็นประมุข มีคน “ไม่เอา”
แต่ส่วนน้อย ราชวงศ์อังกฤษก็ไม่ต้องกลัวพวก “ล้มเจ้า”
และดำรงอยู่อย่างยั่งยืนในระบอบเสรีประชาธิปไตย ใบตองแห้ง 5 ธ.ค.54
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ใบตองแห้งออนไลน์:อังกฤษไม่กลัวล้มเจ้า
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น